มันเป็นการยากที่เราจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ดังนั้น...เราจึงไม่ควรจะปล่อยเวลาให้ผ่านล่วงเลยไปโดยเปล่าประโยชน์...
การทำความดี ก็คือ การให้ทาน การรักษาศีลและการปฎิบัติภาวนา ซึ่งเมื่อทำแล้ว เราจะได้รับอานิสงส์ทันทีในปัจจุบัน ชาตินี้ ไม่ต้องรอภพหน้า... การทำความดี เป็นปัจจัยให้เราฐานะดี รูปดี ปัญญาดี อายุยืน มีความสุข...
การปฎิบัติภาวนารักษาศีล
คือ...การหยุดดูผู้อื่น หยุดตำหนิผู้อื่น หันมาสำรวจตัวเอง เมื่อเราเริ่มลงมือปฎิบัติแล้วเราก็จะเห็น สิ่งที่ไม่เคยเห็น คือ... การศึกษาธรรมะ ยิ่งศึกษายิ่งสงบ... น้อมเข้ามาดู กาย กับ ใจตัวเอง...
เพื่อจะได้ ปรับปรุง แก้ไขตัวเอง... มากกว่าที่จะไปวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น !
คนอื่นเป็นอย่างไร...ไม่สำคัญ...สำคัญที่ใจของเรา...เป็นอย่างไร...?
เพราะ
เราไม่ค่อยเอาใจใส่ในการรักษาจิตใจของตัวเอง ไม่ค่อยได้สำรวจตัวเอง...
เราคิดว่าเราดี... แต่คนอื่น ไม่ดีตลอด เพราะเราดูแต่คนอื่น ไม่เคยดูตัวเอง... เรามัวแต่จ้องจับผิดคนอื่น
จึงทำให้ จิตใจของเราฟุ้งซ่าน เครียด สับสน ทุกข์...เพราะ...
เรามัวแต่อยากจะพัฒนาจิตใจคนอื่น จนลืมตัวเอง...
การให้ทาน... เราก็ทำกันมากแล้ว... จะเหลือ ก็แต่...การรักษาศีล กับการปฏิบัติภาวนา
เราจึงควรจะพยายามรักษาจิตใจเรา ให้เป็นปกติเสมอ คือ เป็นศีล (ศีล แปลว่าปกติ)
การรักษาศีล ก็คือ พยายามรักษาศีล 5 ให้เป็นปกติ แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั้น.. ก็ควรรักษา
กรรมบท10 จะดีกว่าซึ่งจะได้ควบคุมถึงจิตใจเราด้วย
การปฏิบัติภาวนา ก็คือ การทำอานาปานสติ ให้มี สติ รู้อยู่ว่า...
หายใจเข้า ตอนไหน... หายใจออกตอนไหน...
พยายามกำหนด... จับลมหายใจเข้าออกบ่อยๆ จนเกิดอารมณ์ชิน...
ช่วงที่เรายุ่งอยู่กับลมหายใจของเรา... เราก็จะไม่ไปวุ่นวายกับคนอื่น...
ศีลก็บริสุทธิ์ เราก็จะมี สติปัญญา เพราะว่า เราฝึกตัวเรา... ให้มี สมาธิ
และ มีความละเอียด ถี่ถ้วน... เพราะ การกำหนดลมหายใจ ต้องมี สมาธิ
และ ต้องมีความละเอียด... จึงจะทรงตัวอยู่ได้นาน... ส่วนใหญ่ทำได้ไม่นาน...
จิตก็วิ่งไปคิดเรื่องอื่น... ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะ เราไม่เคยฝึกตนเอง